แจ้งเตือน : ระบบจะสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ เมื่อทำงานบน IE8 ขึ้นไป [Download]
รายละเอียดบทความ
ตอนที่ 1 : ข้อมูลผู้เขียนบทความ
รหัสอ้างอิง : 1698
ชื่อสมาชิก : นฤมล เข็มกลัดเงิน
เพศ : หญิง
อีเมล์ : naruemon_k@mju.ac.th
ประเภทสมาชิก : บุคลากรภายใน [สังกัด]
ลงทะเบียนเมื่อ : 26/8/2557 10:48:10
แก้ไขล่าสุดเมื่อ : 26/8/2557 10:48:10
URL สำหรับอ้างอิงถึงหน้านี้
ตอนที่ 2 : ระดับความชอบที่ผู้อ่านมีต่อบทความนี้
ชอบ  0  คน ไม่ชอบ  0  คน
ตอนที่ 3 : รายละเอียดบทความ
สรุปการเข้าอบรบเรื่อง การจัดการเรียนการสอนเพื่อปลูกฝังผู้เรียน มีความคิดใหม่ ความคิดสร้างสรรค์ การคิดค้นนวัตกรรม (1 ก.พ. 66)
ความคิดสร้างสรรค์ คือความคิดที่แตกต่างไปจากความคิดเดิม แรงจูงใจของเรื่องการเรียนรู้ สิ่งแวดล้อม การเลี้ยงดู ครูอาจารย์เป็นปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ได้ การจัดการเรียนการสอนเพื่อกระตุ้นให้ผู้เรียนมีความคิดใหม่ ความคิดสร้างสรรค์ ควรจัดให้มีการเรียนการเรียนรู้หลากหลายแบบ ซึ่งแต่ละแบบก็จะมีข้อดีแตกต่างกัน

สรุปการเข้าอบรบเรื่อง การจัดการเรียนการสอนเพื่อปลูกฝังผู้เรียน มีความคิดใหม่ ความคิดสร้างสรรค์ การคิดค้นนวัตกรรม

ความคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking) เป็นความคิดที่แตกต่างไปจากความคิดเดิมๆ ซึ่งได้มากจากตนเอง เกิดจากการใช้ความรู้พื้นฐาน (basic knowledge) และการใช้ทักษะหรือวิธีการร่วมกันพัฒนาเป็นความคิดสร้างสรรค์ หรือถ้าเป็นความคิดสร้างสรรค์ที่มีประโยชน์ สร้างเป็นสิ่งคิดค้นแบบใหม่ๆ ก็จะกลายเป็นนวัตกรรมได้

นวัตกรรม เป็นการใช้องค์ความรู้ ร่วมกับความคิดสร้างสรรค์ในการแก้ปัญหา ทำให้เกิดชิ้นงานใหม่ ที่มีประโยชน์ ซึ่งอาจเป็นกระบวนการใหม่ๆ ก็เป็นนวัตกรรมได้

ปัจจัยที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ ได้แก่

1) แรงจูงใจ หากผู้เรียนเห็นคุณค่า หรือมีแรงจูงใจเกี่ยวกับสิ่งที่เรียน ก็จะกระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ได้ง่ายและมากขึ้น เช่น เป็นสิ่งที่ชอบ เป็นสิ่งที่ใกล้ตัว เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ เป็นต้น

2) สภาพแวดล้อม ควรสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยในการแสดงความคิดเห็น การลองผิดลองถูก เป็นต้น

3) การอบรมเลี้ยงดู พ่อแม่ ควรฟังความคิดเห็นของลูก ไม่ดุ ไม่เข้มงวดเกินไป

4) บุคลิกภาพของครู ไม่เข้มงวดเกินไป รับฟังความคิดเห็นของนักศึกษา ควรสร้างกำลังใจให้นักศึกษา การถามคำถามควรเป็นคำถามปลายเปิดที่มีคำตอบได้หลากหลายแบบ

5) สมอง

วิธีการสอนที่ช่วยกระตุ้นการความคิดสร้างสรรค์ และนำไปสู่การสร้างนวัตกรรมมีดังนี้

1) การสอนแบบบรรยาย (Lecture) ต้องเป็นการสอนที่สั้น รวดเร็ว ต้องมีลีลาและบุคลิกภาพที่น่าสนใจ ควรมีรูปภาพประกอบ มีการให้ตัวอย่างเยอะ ๆ จะช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ หรือทำให้เห็นประโยชน์ของเนื้อหา ควรกระตุ้นให้นักศึกษาคิด และมีส่วนร่วมในบทเรียนให้ได้มากที่สุด เช่น มีคำถามชวนคิด ทำให้นักศึกษาคิดตาม มีการยกตัวอย่าง และอภิปรายร่วมกัน และควรมีแนวทางการสอนที่หลากหลาย หากเป็นเนื้อหาที่ยาก ควรกระตุ้นให้นักศึกษาสร้างเทคนิคในการจำของตนเอง หรือครูอาจสร้าง trick ที่ช่วยให้นักศึกษาจำได้จ่ายขึ้นได้

2) การแสดงสาธิต (demonstration) ทำให้นักศึกษาให้เห็นกระบวนการจริงๆ

3) การทำการทดลอง (experiment) การลงมือปฏิบัติจริง เมื่อทดลองเสร็จแล้วควรมีคำถามเพิ่มเติมจากผลการทดลอง เพื่อให้เกิดความคิดเพิ่มเติม ความคิดต่อยอดได้มากขึ้น การมอบหมายงานอภิปรายการทดลองที่ต่างกันจะช่วยแก้ปัญหาการลอกงานกันได้

4) การสอนแบบให้หลักการ แล้วยกตัวอย่างการประยุกต์ใช้ แล้วจึงให้ทำแบบฝึกหัด หรือการสอนแบบยกตัวอย่างประกอบก่อน แล้วจึงสรุปเป็นหลักการ (deduction/induction) จะทำให้นักศึกษาคิดตามและเข้าใจเนื้อหามากขึ้น และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อไปได้

5) การดูงานนอกสถานที่ (field trip) ควรมอบหมายงาน หรือมีใบงานให้นักศึกษา ให้นักศึกษาได้สะท้อนการดูงาน เช่น สะท้อนความรู้/ทักษะที่ได้จากการดูงาน สะท้อนสิ่งที่จะนำไปใช้ประโยชน์ อาจทำเป็นรายงาน หรือสรุปเป็นคลิปสั้น หรือทำเป็นวีดีโอประกอบ กระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์มากขึ้นได้

6) การทำ small group discussion เป็นการสร้างให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็น และรับฟังความคิดเห็นจากผู้อื่น ควรจัดจำนวนคนต่อกลุ่มให้เหมาะสม และควรจัดเวลาหรือให้เวลาในการทำงานร่วมกันอย่างเหมาะสม และให้นักศึกษามีเวลาเตรียมตัวเพื่อทำงานด้วย

7) การเล่นละครสวมบทบาท (role playing) เป็นการสร้างสถานการณ์ ให้นักศึกษาแสดงเป็นบทบาทสมมติต่าง ๆ ทำให้นักศึกษาเข้าใจสถานการณ์ เข้าใจผู้อื่นๆมากขึ้น มักช่วยในเรื่องพฤติกรรม

8) การสร้างละคร (dramatization) มีการเขียนบท เป็นการผสมผสานระหว่างศาสตร์และศิลป์ เป็นกระบวนการที่ทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์สูง

9) Simulation การสร้างเป็น case study ของเนื้อหาที่เรียน มีการกระตุ้นสิ่งเร้าต่างๆ ซึ่งจะทำให้เกิดผลแตกต่างกัน สิ่งเร้าและผลที่เกิดขึ้นแบบต่างๆ จะทำให้เกิดการเปรียบเทียบ เกิดการคิดวิเคราะห์โดยใช้หลักการ/ความรู้มากขึ้น

10) การทำงานเป็นกลุ่ม (cooperative learning) เมื่อมอบหมายงานเป็นกลุ่ม ควรมอบหมายให้ชัดเจน มีการตรวจสอบการวางแผนงานของนักศึกษา และควรให้นักศึกษาบอกบทบาทหน้าที่ในกลุ่ม เพื่อให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการทำงาน

11) การฝึกงาน (work-integrated learning) ทำให้เกิดการเรียนรู้จากการทำงาน จากสถานประกอบการจริง แต่ควรเลือกสถานประกอบการที่เหมาะสมที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้ของหลักสูตรฯ และกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้จริงๆ

12) Phenomenon-based learning เรียนรู้จากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัวที่เกี่ยวข้องกับศาสตร์ของเรา นำมาคิด/วิเคราะห์ร่วมกับนักศึกษา

13) Problem-based learning เช่น การทำปัญหาพิเศษ การศึกษาจากปัญหาต่างๆ เมื่อศึกษาแล้วต้องสร้างให้มีการเชื่อมต่อ/เชื่อมโยงถึงประเด็นการศึกษาให้ได้ และควรเป็นการเรียนรู้จากปัญหาที่มีจริงๆ

คำสำคัญ : เทคนิคการสอน ความคิดสร้างสรรค์
กลุ่มบทความ : กลุ่มงานตามสมรรถนะบุคลากร
หมวดหมู่ : กลุ่มงานสายวิชาการ
สถิติการเข้าถึง : เปิดอ่าน 75  ครั้ง | แสดงความคิดเห็น 0  ครั้ง
วันที่เขียน 1/3/2566 17:02:18  แก้ไขล่าสุดเมื่อ 1/4/2566 3:08:23
ตอนที่ 4 : รายการความคิดเห็นทั้งหมดที่มีต่อบทความนี้
ไม่มีข้อมูลตามเงื่อนไขที่ท่านกำหนด
 ระบบ E-Manage มหาวิทยาลัย ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหาร : Management Information System [MIS]
รับผิดชอบระบบ โดย ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัย
ติดต่อสอบถาม : ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัย 63 หมู่ 4 ต.หนองหาร อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ 50290